การปรับแต่งเว็บก็จะดูกันเป็นหน้าๆ ไป และห้ามลืมว่า เวลาเราทำอันดับบน Search Engine Result Page (SERP) นั้นเราไม่ได้ทำทั้งเว็บไซต์ แต่การทำอันดับมันวัดกันเป็นหน้าต่อหน้า ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ควรจะเริ่มจากโฮมเพจก่อนเป็นหลักเสาเอาไว้เกาะ
จากนั้นก็จะตามด้วยเว็บเพจทำเงินทั้งหลายอย่างหน้าสินค้าแต่ละตัวของคุณ ที่แต่ละหน้าย่อมต้องมีหน้าที่ของมันในการขาย ไม่ควรเอามาปนกันชะหมด (สำคัญมาก) ไม่งั้นเมื่อ Search Engine Bot มองเข้ามาที่เว็บเพจทำเงินของคุณ มันจะสับสนว่าตกลงจะจัดอันดับให้เว็บเพจนี้ด้วยคีย์เวิร์ดอะไรดี เห็นมีตั้งหลายแบบหลายคำเต็มไปหมด
ยกตัวอย่างเช่น หน้าหนึ่งอาจขายรองเท้าวิ่ง อีกหน้าหนึ่งอาจขายรองเท้าแตะ ทั้งสองเว็บเพจนี้คือหน้าทำเงินของคุณเลย
สิ่งที่ต้องทำอย่างแรก คือ หาคีย์เวิร์ดให้แต่ละเว็บเพจนี้ซะก่อน ว่ามันควรจะใช้คีย์เวิร์ดอะไรถึงจะดีที่สุด นั่นแหละคือการมาของขั้นตอนการหาคีย์เวิร์ดให้เว็บเพจแต่ละหน้า หรือที่เรียกว่า Keyword Mapping ซึ่งเป็นขั้นตอนชี้เป็นซี้ตายความสำเร็จในการทำ SEO ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นกันเลย เดี๋ยวมาว่ากันอีกที มาต่อกันด้วยเรื่อง Keyword Mapping กันก่อน
เล่มเกมจับคู่กับ Keyword Mapping
การทำ Keyword Mapping คือ ขั้นตอนการจับคู่ Keyword ที่หามาได้กับเว็บเพจแต่ละหน้าที่มี สิ่งที่คุณจะต้องคิดให้ออกก่อน คือ เว็บเพจหน้านี้ของคุณขายอะไร หรือพูดถึงอะไร อยากจะบอกอะไร แล้วเอาคำ ๆ นั้นไปค้นหาด้วย Google Keyword Tool
เพื่อดูว่าคำที่บ่งบอกเรื่องนี้นั้นที่มีคนค้นหากันอย่างน้อยเดือนละ 500 ครั้ง (ยิ่งเยอะยิ่งดี) แล้วเอามาใช้กับเว็บเพจหน้านี้คุณต้องคิดชะว่า กำลังตั้งชื่อที่เหมาะสมให้เว็บเพจแต่ละหน้าจาก Keyword ที่สอดคล้องกับเนื้อหาเว็บเพจที่มี Search Volume ไม่ใช่เว็บเพจคุณขายนาฬิกาแต่ดันไปใช้คีย์เวิร์ดขายเกมส์ เพราะอยากให้คนเข้ามาเยอะ ทำแบบนี้นอกจากเข้าข่ายหลอกลวงครับ
นอกจากในกรณีที่เป็นเว็บเพจทำเงินขายของแล้ว ก็จะมีเว็บเพจพวกทางการ หรือพวกที่จำเป็นต้องมี อย่างหน้าติดต่อเรา หรือหน้า Contact Us หน้าติดต่อสอบถาม ในกรณีแบบนี้ไม่ยากเลยครับ ให้ใส่คำ เช่น ที่อยู่บริษัท xxx หรือ ติดต่อ บริษัท x หรือ เบอร์โทร หรือ Keyword ที่คุณดูแล้วว่ามีคนค้นหากัน เช่น ‘ติดต่อสอบถาม บริษัท มาม่า’ อย่าคิดคำอะไรยากๆ และจะให้ดีก็ลองเอาคำที่นึกออกไปวิเคราะห์ด้วย Google Trend ด้วยก็ดีครับ