e-Commerce เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เราจะเห็นเจ้าของแบรนด์หรือแม่ค้าหน้าใหม่หลายรายที่จับทางจนรวยและเข้าใจลูกค้าของเค้าถูกจนรวยรับทรัพย์เป็นน้องๆเศรษฐีกันเยอะแยะมากขึ้นจากแต่ก่อน
พฤติกรรมลูกค้าเองก็ไม่ได้อยากซื้อของเฉพาะหน้าร้านแล้ว เพราะบางอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) จึงพร้อมที่จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญและมีพลานุภาพในอนาคตของประเทศไทย
สำหรับผู้ประกอบการ ธุรกิจ และผู้บริโภค อีคอมเมิร์ซไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่มันคือตลาดหลักเลยแล่ะในปี 2025
เคยสงสัยกันมั้ย ของที่เราลงขาย ๆ กัน ใน 3 ช่องทางหลักอย่าง Shopee, Lazada และ TikTok อันไหนที่เราเจอลูกค้าจนเอาอยู่ หรือเลยพลาดลืมทำอะไรไปนะ ขายของเหมือนกันแต่ทำไมอีกเจ้าเค้าโกยลูกค้า ๆ เอา
- Shopee
เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย โดยมีความได้เปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง มันครองอันดับ 1 ในด้าน การเข้าชมเว็บไซต์, การมีส่วนร่วมของผู้ใช้, และ การดาวน์โหลดแอป ล่าสุดมีรายงานว่า Shopee ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย โดยมี ผู้ใช้ที่ใช้งานประจำเดือนเป็นล้านคน
รายได้จากลูกค้า:
- Shopee ได้ปฏิวัติประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นที่ประสบการณ์ การใช้งานผ่านมือถือ การ จัดส่งที่รวดเร็ว และ โปรโมชันที่บ่อยครั้ง ซึ่งดึงดูดกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท รวมถึง ลูกค้าที่คำนึงถึงราคา ด้วยการจัด ลดราคา เช่น flash sale, ส่งฟรี, และ ส่วนลด ต่างๆ
คุณสมบัติหลัก:
การรวมฟีเจอร์ social commerce ของ Shopee (เช่น Shopee Live สำหรับการช็อปปิ้งแบบไลฟ์สตรีม) และ Shopee Pay (กระเป๋าเงินดิจิทัล) ช่วยให้ลูกค้า มีส่วนร่วม กับแพลตฟอร์มมากขึ้น การมี พันธมิตร CPAS จาก บ้านน้ำเงิน กับธุรกิจท้องถิ่น, ผู้ขาย, และ แบรนด์ต่างๆ ในระดับใหญ่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Shopee ได้รับ การเข้าชมสูง และสามารถ รักษาฐานลูกค้า ไว้ได้
- Lazada
เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับสองในประเทศไทยในแง่ของการเข้าชมเว็บไซต์และผู้ใช้ที่ใช้งาน โดยเฉพาะในด้านการช็อปปิ้งข้ามประเทศ (การซื้อสินค้าจากผู้ขายในภูมิภาคอื่น) Lazada เป็นลูกของ Alibaba เจ้า e commerce จากจีนแ รายได้จากลูกค้า: Lazada มีฐานลูกค้าชาวไทยที่แข็งแกร่ง ซึ่งชอบการจัดส่งที่เชื่อถือได้และการควบคุมคุณภาพ สังเกตได้ว่า Lazada ดึงดูดกลุ่มลูกค้าชั้นกลางถึงสูงมากกว่า Shopee ถึงแม้ทั้งสองแพลตฟอร์มจะมีการแทรกซึมในตลาดที่ใกล้เคียงกัน Lazada ยังรองรับกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Lazada Wallet ช่วยให้ช็อปปิ้งสะดวกยิ่งขึ้น
คุณสมบัติหลัก: Lazada มีบริการ Lazada Express (LEX) สำหรับการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ, Lazada Live สำหรับการช็อปปิ้งแบบไลฟ์สตรีม, และ Lazada Global สำหรับการซื้อสินค้าข้ามประเทศ แพลตฟอร์มนี้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับแบรนด์ระดับโลก ซึ่งทำให้มันมีตำแหน่งที่มั่นคงในตลาด
3. TikTok
TikTok Live: การเติบโตของ TikTok Live สำหรับการขายสินค้าทางตรง, ไลฟ์สตรีมมิ่ง, และโปรโมชันที่ขับเคลื่อนโดยผู้มีอิทธิพลประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ Millennials
ประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ไร้รอยต่อ: วิดีโอที่สามารถซื้อได้ใน TikTok ซึ่งผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงจากวิดีโอ ทำให้การช็อปปิ้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์เป็นเรื่องสนุกมากขึ้น แถมยังคลายเครียด บันเทิงกัน ช่วยให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้นและลดอุปสรรคในกระบวนการซื้อสินค้า
เศรษฐกิจของผู้สร้าง: TikTok ใช้ประโยชน์จากกลุ่มผู้มี influencer และ creator จำนวนมากในการขับเคลื่อนการขายสินค้า ซึ่งดึงดูดกลุ่มผู้ชมวัยรุ่นและวัยทำงานที่มักเชื่อมั่นในผู้มีอิทธิพลดีมากกว่าการโฆษณาแบบดั้งเดิม
Shopee ยังคงเป็นผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้มือถือเป็นหลักและคำนึงถึงราคา ฐานผู้ใช้และ GMV (ยอดรวมมูลค่าการซื้อขาย) ของ Shopee สูงกว่าทั้ง Lazada และ TikTok Shop อย่างมาก
Lazada ยังคงเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าพรีเมียม และการช็อปปิ้งข้ามประเทศ ซึ่งได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศของ Alibaba และเครือข่ายโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง
TikTok Shop แม้ว่ายังใหม่และมีส่วนแบ่งตลาดที่เล็กกว่าในภาพรวม แต่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและกำลังปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของอีคอมเมิร์ซด้วย โซเชียลคอมเมิร์ซ และการช็อปปิ้งแบบไลฟ์สตรีม มันเป็นแรงผลักดันที่มีผลกระทบต่อวงการ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ผู้บริโภควัยเยาว์และผู้ที่มีความชำนาญทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบการ การเลือกแพลตฟอร์มเหล่านี้ขึ้นอยู่กับ กลุ่มเป้าหมาย และ ประเภทของสินค้า โดย Shopee และ Lazada เหมาะสำหรับการขายสินค้าอีคอมเมิร์ซทั่วไปและหลากหลาย ในขณะที่ TikTok Shop เป็นแพลตฟอร์มที่น่าตื่นเต้นสำหรับการขายที่ขับเคลื่อนโดยโซเชียลมีเดียและ การขายตรง ไปยังผู้บริโภค