ยุคนี้จะเห็นได้ว่า หลาย ๆ บ้านเริ่มหันมาเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กกันแทนที่จะมีเด็กเล็ก ๆ เหมือนแต่ก่อน เลยไม่แปลกใจถ้าเราจะไปไหนมาไหนก็เห็น ร้านขายอาหาร ของใช้สัตว์แทบจะเหมือนมีร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยอย่างไงอย่างงั้น กลยุทธ์ทำการตลาดก็มีหลากหลายแบบ
จำนวนน้องหมาน้องแมวจึงเพิ่มขึ้นทุกปี สวนทางกับอัตราการเกิดของประชากร ทำให้เกิดธุรกิจบริการ อุปโภคและบริโภค สำหรับสัตว์เลี้ยงจึงมากขึ้นตาม ยิ่งกว่านั้น ค่าใช้จ่ายที่ทาสน้องหมาน้องแมวยอดเปย์ให้เนี่ย มากพอ ๆ กับให้ตัวเองซะอีก ก็ใจมันรักเค้า มีเท่าไรก็ต้องยอม
1. การตลาดแบบ Free Sampling
คือ ถ้าบูธไหนไม่มีทำ นี้คือ Out มาก ๆ แล้ว ซึ่งแบรนด์จะแจกสินค้าตัวอย่าง แบบไม่กั๊กของเหมือนพศ ก่อน ๆ แล้วนะ ให้คือให้จริง ๆ มีทั้งขนม อาหาร ของเล่น ทรายแมวยังมีมาให้ตักกันไปจนพอใจ แลกกับ add line กันไป ซึ่งพอแบรนด์ได้เป็นเพื่อนกับเราแล้ว เค้าก้ออาจจะถามข้อมูลส่วนตัวเราบ้าง ซื้อสินค้าบ่อยแค่ไหน วินวิน ต่างคนต่างได้ประโยชน์
2. การตลาดแบบใช้ Pet Influencer
น้องหมาน้องแมวมานั่งเรียกคนเข้าบูธ ถ่ายรูป กันไป ได้ใจแถมยอมซื้อสินค้าเพราะรักในตัวน้อง ๆ อีก
3. การตลาดแบบ Brand Experience
คือ การสร้างประสบการณ์ดี ๆ ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ อย่างระหว่างที่เราเดินในงาน ไม่รู้สึกว่าที่นี่คืองานแสดงสินค้าหรือมาลดราคาแข่งกันขายของเลย อารมณ์เหมือนแต่งตัวมาลูกมาเดินเล่น พาลูกมาเจอเพื่อนใหม่ เข้าสังคมมากกว่า และยังมีพวกบูธถ่ายรูป มีคุณหมอน่ารัก ๆ มาให้คำแนะนำด้วย ซึ่งแต่ละบูธแข่งกันสร้างความประทับใจให้ลูกค้ามากกว่า