ความแน่นของจำนวนคีย์เวิร์ด หรือ Keyword Density ช่วยค้นหาเจอหน้าเว็บได้
ถือเป็นส่วนสำคัญเมื่อมีลูกค้าเริ่มค้นหาคำที่มีในหน้าเว็บของเรา สมัยก่อนใครทำ SEO หรือเว็บไหนมีคียเวิร์ด (Keyword) ยิ่งเยอะถือว่ายิ่งดี ค้นหามาก็เจอเราก่อน แต่หลังจาก Google เริ่มหันมาทำเว็บสแปม พวกคีย์เวิร์ดซ้ำ ๆ กัน ยิ่งทำให้ระบบมองเห็นเป็น Keyword Stuffing หรือมากเกินไปแบบไม่มีประโยชน์ คุณภาพคอนเทนต์ก็จะดิ่งลงไปเรื่อย ๆ
ทำให้ Search Engine ใหม่ ฉลาดกว่าเดิมในการตรวจจับคีย์เวิร์ด (SEO Keyword) ใครที่เขียนซ้ำ ๆ กันเยอะเกินไปในแต่ละส่วนประกอบบนหน้าเว็บ เช่น Title Tag ก็จะโดนข้อหาสแปมทันที
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำ คือ ใส่คีย์เวิร์ด (Keyword) ให้ครบทุกส่วน ส่วนละ 1-2 ครั้ง ยกเว้น Body Content ที่ Google ใส่ได้ 3 คำต่อบทความที่มีจำนวน 100 คำ หรือ 3% ของบทความ แต่ก็ยังสามารถใส่เยอะกว่านั้นได้ จากประสบการณ์ของพวกเราจะใส่ไว้ประมาณ 5-6 คำต่อ 100 คำหรือ 5%-6%
เนื่องจากเว็บเพจหนึ่งหน้า ไม่ได้มีแค่ส่วนเดียว เราจึงสามารถใส่ Keyword เข้าไปได้หลายที่ในหนึ่งหน้า ใครใส่ได้ครบทุกส่วน คนนั้นกีมีโอกาสชนะมากกว่า
นอกจากนี้ การให้ความสำคัญของการใส่ Keyword ในส่วนต่าง ๆ ของเว็บแล้ว ยังต้องดูจากบนลงล่างและโดเมนเนม Domain Name ด้วยเช่นกัน
จากนั้น ให้ดูที่ Description Tag > H1 > H2, H3 > Body Content > ใส่ Keyword ให้ครบทุกส่วนอย่าให้ขาด แต่จะใส่มากแค่ไหน ถ้าเป็น Meta Tag พวกเราได้เขียนไว้แล้วในบทความก่อน ๆ หน้า ลองติดตามหาอ่านได้ แต่ถ้าเป็น Heading และส่วนเล็กๆ อื่น ๆ ครั้งละ 1 คำพอ ส่วน Body สำคัญมากควรกระจายวางไว้ให้ทั่วๆ และในบรรทัดแรกหรือยิ่งคำแรก ก็ยิ่งควรใส่เข้าไปด้วย
สรุปได้ว่า! หากเราต้องการทำ Ranking ให้ติดอันดับได้มากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมขาดเรื่อง On-Page SEO ตามบทความด้านบนกันได้เลย เพราะหากไม่มีการทำแล้ว เว็บไซต์ของเราเองก็จะไม่ต่างจากการสร้างตึกที่ฐานไม่แข็งแรง ฝากลิงก์ดันขึ้นไป อาจจะขึ้นแต่จะหล่นลงมาอย่างเร็ว